วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

เที่ยวน้ำตกสาริกา ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่นครนายก เย็นฉ่ำ สดชื่น

 น้ำตกสาริกา
น้ำตกสาริกา ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งอุทยานจะครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 จังหวัด น้ำตกสาริกาถือว่าเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของเมืองนครนายกมาอย่างยาวนานและ เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งของนครนายกและจังหวัดในแถบภาคกลาง น้ำตกสาริกา เป็นน้ำตกที่มีลักษณะโยนตัวลงมาจากหน้าผาที่สูงชันในป่าทึบบนเขตอุทยานแห่ง ชาติเขาใหญ่ มีความสูงถึง 9 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นของน้ำตกก็จะมีชั้นหินธรรมชาติรองรับน้ำและกลายเป็นแอ่งน้ำ ขนาดเล็ก ๆ อยู่ทั่วบริเวณชั้นของน้ำตกซึ่งบางแห่งมีขนาดกว้างและน้ำไม่ลึกมากทำให้เรา สามารถลงไปชุ่มฉ่ำกับสายน้ำตกแห่งนี่ได้แบบสบายและปลอดภัยด้วย เมื่อเรามาถึงทางขึ้นไปตัวน้ำตกเราก็รู้สึกได้เลยว่ามี อุณหภูมิ ที่แตกต่างจากด้านนอก มีความเย็นสบายร่มรื่นและมีเสียงหรีดเรไรนกป่าที่ส่งเสียงกันเต็มพื้นป่า แห่งนี้ อากาศดีมาก ระยะทางเดินขึ้นไปทางด้านบนตัวน้ำตกชั้นสุดท้าย ประมาณ 600 เมตร ตลอดเส้นทางเดินทางอุทยานเขาทำทางเดินแบบขั้นบันไดให้เป็นอย่างดี สองข้างทางที่ขึ้นไปยังตัวน้ำตกก็เต็มไปด้วนต้นไม้ป่านานาพันธุ์ที่ช่วยให้ เราเดินศึกษาธรรมชาติได้อีกกิจกรรมหนึ่ง อากาศค่อนข้างชื้นเล็กน้อย แต่ละชั้นของทางขึ้นก็จะมีอ่างขนาดใหญ่ที่มีสายน้ำที่ใสสะอาดและเย็นสบายให้ เราแวะเข้าไปเล่นน้ำได้อย่างสนุกสนานและเย็นฉ่ำกันทั่วหน้า น้ำใสสะอาดจริง ๆ
น้ำตกสาริกา
เมื่อเราเดินมาถึงตัวน้ำตกชั้นสุดท้ายทางด้านบนเราก็ได้พบกับน้ำตกธรรมชาติ ที่สวยงามและมีขนาดใหญ่ ทำให้หายเหนื่อยไปตาม ๆกัน มีแต่ความตื่นเต้นเข้าแทนที่ ชั้นของน้ำตกที่ตกลงมาจากหน้าผาหินทางด้านบนมีความสูงถึง 100 เมตรทีเดียวถือว่าเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ไม่เบาครับ และเมื่อเราเดินเท้าเข้าไปยังตัวน้ำตกก็สามารถมองเห็นตัวน้ำตกที่ไหลลงมาจาก เนินผาหินได้แต่ไกล น้ำตกไหลทอดเป็นชั้น ๆ ตามผาหินแต่ละชั้นก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป ช่วยเพิ่ม มนต์เสน่ห์ให้กับน้ำตกแห่งนี้ได้มากทีเดียว เสียงคำรามของน้ำตกที่ล่วงลงสู่แผ่นหินธรรมชาติ เสียงดังตามแบบธรรมชาติ สร้างความครื้นเครงให้กับพื้นป่าเขาใหญ่ที่เงียบสงบได้มากทีเดียว มีละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณด้านล่าง ช่วยให้เรารู้สึกเย็นสบายมากขึ้นเหมือนมีละอองไอของธรรมชาติเข้ามายังตัวเรา แบบโดยตรงสดชื่นมาก ๆ มีโขดหินอยู่เต็มบริเวณด้านล่างน้ำตกเราสามารถนั่งพักผ่อนได้อย่างสบายและลง เล่นน้ำที่ใสสะอาดได้อีกด้วย ตัวน้ำตกถูกโอบกอดด้วยพืชพันธุ์ต่างๆ ป่าไม้ที่เขียวขจีบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้เรารู้สึกสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนที่น้ำตกสาริกาแห่งนี้มากพอสมควรบรรยากาศการ ท่องเที่ยวเป็นไปอย่างคึกคักสุดขีด
น้ำตกสาริกา
ทางด้านล่างทางขึ้นมายังตัวน้ำตกก็มีร้านบริการอาหารเครื่องดื่มอยู่หลาย ร้าน มีอาหารเมนูอร่อยมากมายให้เราได้แวะชิมและมีร้านบริการของที่ระลึกในรูปแบบ ต่าง ๆ มากมายนอกจากนั้นยังมีของดีเมืองนครนายก ให้เราได้เลือกชมและซื้อหากลับบ้านไปเป็นที่ระลึกอีกด้วย ด้านหน้าทางเข้าทางอุทยานทำเป็นที่จอดรถ เป็นลานกว้างสามารถจอดรถได้อย่างสะดวกสบาย มีเจ้าหน้าที่คอยบริการอย่างเต็มที่ บริเวณทางขึ้นน้ำตกมีศาลของเจ้าพ่อปลัดจ่างที่ศักดิ์สิทธิ์ทางด้านใน ประดิษฐานองค์เจ้าพ่อปลัดจ่างที่แกะสลักจากไม้คูณอายุกว่า 50 ปี ชาวนครนายกและคนทั่วไปให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ศาลเจ้าพ่อปลัดจ่างแห่งนี้ถือว่าทรงอานุภาพมากที่สุดในพื้นป่าเขาใหญ่ทั้ง หมดและเป็นองค์ประมุขขององค์เจ้าพ่อทั้งหมดใน อาณาจักรพื้นป่าเขาใหญ่อีกด้วย ถือว่าเรามาเที่ยวน้ำตกที่สวยงามแล้ว ยังได้สักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธ์ในพื้นป่าเขาใหญ่เพื่อพอพรให้กับตนเองและ ครอบครัวได้อีกด้วย คุ้มจริง ๆครับทุกท่าน นอกจากตัวน้ำตกสาริกาที่สวยงามน่าเที่ยวแล้วตัวน้ำตกยังตั้งอยู่ใกล้กับสถาน ทีท่องเที่ยวอีกหลายแห่งของ จังหวัดนครนายก เช่น ถ้าอยากทำบุญตามรอยพระเถระ พระอาจารย์มั่น ภูริฑตฺโต ก็เชิญได้เลยที่วัดถ้ำสาริกา ท่าน เคยมาบำเพ็ญศาสนธรรมที่นี่ระหว่าง พ.ศ. 2460-2463 สภาพเป็นเนินเขา วัดตั้งอยู่ก่อนถึงตัวน้ำตกประมาณ 2 กิโลเมตร หรืออยากไปเที่ยวน้ำตกที่อื่นก็มีเช่น น้ำตกนางรอง จากนั้นก็ขึ้นไปชมวิวที่สันเขื่อนขุนด่านก็ยังได้เพราะอยู่บนเส้นทางเที่ยว เมืองนครนายกทั้งสิ้น หรืออยากล่องแก่งลำน้ำนครนายกก็ติดต่อได้เลย บริเวณด้านหน้าเขื่อนขุนด่าน มีชมรมล่องแก่งนครนายกคอยบริการอย่างแข็งขัน เชิญเที่ยวพักผ่อนกันให้สนุกสนานกันไปเลย น้ำตกสาริกา อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ที่ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก การเดินทางนั้นไม่ยุ่งยากครับ เดินทางจากตัวเมืองนครนายกไปตามทางหลวงหมายเลข 3049 เป็นระยะทาง 12 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3050 อีก 3 กิโลเมตร หากนั่งรถประจำทางก็สามารถทำได้ ก็มีรถบัสปรับอากาศสู่จังหวัดนครนายก เดินทางทุกวัน ที่สถานีขนส่งสายเหนือและ ตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิต 2) เมือถึงนครนายกแล้วก็ใช้บริการรถท้องถิ่นสู่น้ำตกสาริกา ค่าเข้าชมน้ำตกผู้ใหญ่คนละ 20 บาท เด็ก 10 บาท เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่ เวลา 05.30-18.00 น. ของทุกวัน ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการมาเที่ยว คือ ช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว เราสามารถขึ้นไปชมความงามของน้ำตกได้อย่างชัดเจนและสามารถลงเล่นน้ำได้อย่าง สบายปลอดภัย ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-3731-2282, 0-3731-2284, 0-3731-5664 โทรสาร 0-3731-2286 สอบถามข้อมูลก่อนการเดินทางได้ตลอด

10 อุทยานแห่งชาติทะเลไทย ที่น่าเดินทางไปท่องเที่ยวให้ได้ สักครั้งหนึ่ง

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จังหวัดตราด : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2525

01

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง อยู่ห่างจากอำเภอเมืองตราด ไปทางทิศตะวันตก 17 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในฝั่งทะเลอ่าวไทย และใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเกาะภูเก็ต เกาะแห่งนี้มีความสวยงามตามธรรมชาติครบทั้งทะเล ป่าเขา น้ำตก รอบ ๆ เกาะช้างประกอบไปด้วยหาดทรายต่าง ๆ อาทิ หาดทรายขาว เป็นหาดที่มีทรายขาวละเอียดสมชื่อ นักท่องเที่ยวมักจะมาพักผ่อนอยู่ที่หาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เรียกได้ว่าเป็นหาดแรกที่ได้รับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวมาก่อนหาดอื่น ๆ หาดคลองพร้าว อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะช้าง ต่อจากหาดทรายขาว มีแนวชายหาดทอดยาว สามารถเล่นน้ำได้ และร่มรื่นไปด้วยทิวต้นมะพร้าวที่เรียงรายจนได้ชื่อว่าคลองพร้าว หาดไก่แบ้ อยู่ ต่อจากหาดคลองพร้าว เป็นหาดที่มีความสงบ ไม่พลุกพล่าน เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบหาดที่มีความเป็นส่วนตัว ส่วนน้ำตกที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคือ น้ำตกคลองพลู น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเกาะช้าง อยู่ใกล้กับหาดคลองพร้าว นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมน้ำตกแห่งนี้ได้ตลอดปี น้ำตกมีลักษณะเป็นสายเดียวทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 100 เมตร ข้างล่างเป็นแอ่งน้ำสามารถลงเล่นน้ำได้ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จมาประพาสที่นี่เมื่อ ครั้งอดีตกาล

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2524

02

เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลลำดับที่สามของไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 81,000 ไร่ โดยรวมทั้งหมู่เกาะต่าง ๆ และชายฝั่งริมทะเล เขาแหลมหญ้า เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ริมทะเล ลักษณะเป็นแหลมหินยื่นออกไปในทะเล มีชายหาดด้านหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ เกาะเสม็ด หรือเรียกว่าเกาะแก้วพิสดารในวรรณคดีของกวีเอก สุนทรภู่ หาดทรายบนเกาะขาวละเอียดประดุจแป้ง เป็นแหล่งพักผ่อนยอดนิยมที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ การเดินทางไปสู่เกาะเสม็ดก็สะดวกสบาย เพราะมีเรือออกทุกครึ่งชั่วโมง บนเกาะมีที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้ามากมายไว้บริการนักท่องเที่ยว อ่าววงเดือน มีลักษณะเป็นอ่าวโค้งคล้ายวงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว อยู่ตอนกลางของเกาะ มีชายหาดเป็นแนวยาวสวยงาม มีที่พักหลายระดับราคาให้เลือก อ่าวพร้าว มีทิวต้นมะพร้าวทอดยาวเรียงรายขนานไปกับชายหาด เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างยิ่ง เกาะกุฎี อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะเสม็ด ห่างจากชายฝั่ง 6 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นกันที่นี่ และยังมีเกาะใกล้เคียงกันอีก 2 เกาะ ได้แก่ เกาะท้ายค้างคาวและเกาะถ้ำฤาษี

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จังหวัดชุมพร : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542

03

อยู่ห่างจากอำเภอเมืองชุมพร ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 23 กิโลเมตร จัดเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังและฝูงปลาที่สวยงามของน่านน้ำฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วย เกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 17 กิโลเมตร เป็นเกาะโดด ๆ อยู่กลางทะเลไม่มีหาดทราย เป็นเขตสัมปทานรังนกนางแอ่น บริเวณรอบ ๆ เกาะมีแนวปะการัง ฝูงปลาสวยงามอาศัยอยู่จำนวนมาก และยังมีถ้ำใต้น้ำอีกด้วยจึงเหมาะสำหรับการดำน้ำลึก ส่วนเกาะมัตรา เกาะลังกาจิว เกาะทองหลาง จะเหมาะสำหรับการดำน้ำตื้น โดยเฉพาะเกาะทองหลางนั้นมีหาดทรายอันเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัว นักท่องเที่ยวมักนิยมมาตั้งเต้นท์พักแรมที่นี่

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2525

04

อยู่ห่างจากท่าเรือทับละมุ อ.ท้ายเหมือง 70 กิโลเมตร แหล่งดำน้ำดูปะการังที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก เกาะสิมิลัน เป็นภาษายาวี แปลว่า เก้า เนื่องจากประกอบไปด้วยเกาะ 9 เกาะ ในปัจจุบันได้รวมเอาเกาะตาชัยและเกาะบอนเข้ามาไว้ด้วยจึงรวมเป็นทั้งหมด 11 เกาะ โดยมีเกาะแปด (เกาะสิมิลัน) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด และมีความโดดเด่นตรงที่เป็นก้อนหินรูปเรือใบอันเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะสิ มิลัน เกาะสี่ (เกาะเมี่ยง) อยู่ทางทิศใต้ของเกาะแปด เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีร้านค้าและบ้านพักไว้บริการ บนเกาะนี้มีป่าและชายหาดทรายขาวละเอียดอยู่คนละด้าน ซึ่งสามารถเดินเท้าไปได้ มีระยะทาง 358 เมตร ส่วนเกาะอื่น ๆ นั้นก็เป็นจุดดำน้ำอันสวยงาม แต่มีเกาะหนึ่งเท่านั้นที่เป็นเกาะอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลอยู่ในความดูแลของ กองทัพเรือ ซึ่งไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปทำกิจกรรมใด ๆ บนเกาะ

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2524

05

อยู่ห่างจากท่าเรือคุระบุรี อ่าวช่องขาด 60 กิโลเมตร นับว่าเป็นสุดยอดของแหล่งปะการังชายฝั่งของไทย จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ หินราบ (หินกอง) อยู่ด้านเหนือของเกาะสุรินทร์เหนือ เป็นกองหินที่โผล่พ้นน้ำ มีสันหินทอดยาวไปทางทิศตะวันตก ด้านตะวันออกเป็นผาชัน บางจุดยังสามารถพบกัลปังหาขนาดใหญ่หลายต้น เกาะสตอร์ก อยู่ห่างจากหินราบไปทางทิศตะวันออกประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเกาะเล็ก ๆ ทีมีกระโจมไฟของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ตั้งอยู่บนเกาะ มีแนวปะการังแข็งอยู่ทั่วบริเวณ รวมทั้งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลหลากสายพันธุ์ อ่าวสุเทพ เป็นอ่าวที่ใหญ่ที่สุดของเกาะสุรินทร์ใต้ มีแนวปะการังอันสมบูรณ์ยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตร อ่าวเต่า อยู่ที่เกาะสุรินทร์ใต้เช่นกัน มีแนวปะการังเป็นบริเวณกว้าง และมีเต่ากระอาศัยอยู่ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีฉลามวาฬ และกระเบนราหูให้พบเห็นอีกด้วย อ่าวผักกาด สามารถพบเห็นปะการังหลากหลายชนิดในบริเวณนี้ ถึงแม้จะเป็นอ่าวขนาดเล็กก็ตาม และยังมีฝูงปลาต่าง ๆ หอยมือเสือ รวมทั้งดอกไม้ทะเลสีสันสวยงามที่พลิ้วไหวโอนเอนไปตามกระแสน้ำ เป็นที่ประทับใจของเหล่านักดำน้ำทั้งหลาย

อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2524

06

อุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ได้กล่าวมาแล้วส่วนใหญ่ จะเหมาะกับกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง แต่ที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงานี้ ลักษณะการท่องเที่ยวจะเป็นการนั่งเรือชมทัศนียภาพ และเรือที่ให้บริการจะเป็นเรือหางยาวแบบท้องถิ่น เป็นการล่องเรือชมเกาะหรือเขารูปร่างต่าง ๆ ตามแต่จินตนาการ เช่น เขาหมาจู เป็นภูเขาหินมีรูปร่างคล้าย ๆ หมาจู มีส่วนหัว ส่วนลำตัว และส่วนหาง เขาเขียน (ภาพเขียนสี) อยู่บริเวณทางผ่านที่จะไปยังเกาะปันหยี มีลักษณะเป็นหน้าผามีรูปเขียนเป็นภาพสัตว์ชนิดต่าง ๆ สันนิษฐานว่าเป็นภาพวาดโดยนักเดินเรือสมัยโบราณที่แวะมาจอดพักหลบมรสุม ซึ่งกรมศิลปากรศึกษาพบว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี ถ้ำลอด เป็นภูเขาเหมือนเกาะทะลุ ปากถ้ำกว้างประมาณ 50 เมตร สูง 40 เมตร เรือขนาดเล็กสามารถแล่นผ่านทะลุไปอีกด้านของถ้ำได้ บนเพดานถ้ำมีหินย้อยรูปทรงแปลกตา ส่วนเกาะปันหยี เปรียบเสมือนเป็นหมู่บ้านกลางทะเล มีประมาณ 200 หลังคาเรือน ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม บนเกาะมีทั้งโรงเรียน สถานีอนามัย ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ซึ่งตามโปรแกรมทัวร์ล่องอ่าวพังงา มักจะมาแวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ นอกจากนี้ยังมีเขาพิงกัน เขาตะปู หรือที่เรียกกันว่า เขาเจมส์บอนด์ เนื่องจากเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง James Bond 007 นับว่าเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามระดับโลกเลยทีเดียว

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2526

07

ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยมากมาย เช่น เกาะไม้ไผ่ เกาะยูง และ้ 2 เกาะหลัก ๆ คือ เกาะพีพีดอนและเกาะพีพีเล หรือเรียกว่าหมู่เกาะพีพี จัดว่าเป็นหนึ่งในที่สุดแห่งความงดงามของหมู่เกาะแห่งทะเลอันดามัน โดยเฉพาะเวิ้งอ่าวคู่ของอ่าวต้นไทร และอ่าวโล๊ะดาลัมบนเกาะพีพีดอนนั้น มีทัศนียภาพที่สวยงามติดอันดับโลกจนชาวต่างชาติยกนิ้วให้ มีที่พักหลากหลายระดับราคา ร้านค้า ร้านอาหารจำนวนมาก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นศูนย์รวมกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเลอีกด้วย ส่วนเกาะพีพีเลไม่มีที่พัก แต่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวในเรื่องกิจกรรมดำน้ำตื้นและน้ำลึก เนื่องจากน้ำทะเลใสสะอาด มีทิวทัศน์ของเกาะและอ่าวที่สวยงาม รวมถึงอ่าวมาหยา ที่มีหาดทรายชายทะเลอันงดงาม และเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดังเรื่อง The Beach นอกจากนี้ยังรวมถึงหมู่เกาะปอดะ มีกลุ่มเกาะที่ใกล้ ๆ กันคือ เกาะปอดะ เกาะไก่ เกาะทับ เกาะหม้อ ซึ่งสามเกาะหลังนี้ เมื่อยามน้ำลดจะถูกเชื่อมด้วยสันทรายขาวละเอียดทอดยาวสวยงามและดูแปลกตา ที่เรียกกันว่า “ทะเลแหวก” จนได้รับการคัดเลือกให้เป็น Unseen in Thailand จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวไฮไลท์ของจังหวัดกระบี่

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2533

08

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ประกอบด้วยหลายเกาะที่มีขนาดใหญ่ ได้แก่ เกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตาน้อย เกาะไหง เหล่านี้จะเป็นเกาะที่มีชาวบ้านพักอาศัยอยู่ และมีรีสอร์ทที่พักจำนวนมาก ตั้งแต่เกสต์เฮ้าส์ไปจนถึงระดับห้าดาวไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนเกาะที่เน้นด้านกิจกรรมการดำน้ำ หรือเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำ ได้แก่ เกาะหินแดง ซึ่งเหมาะสำหรับการดำน้ำลึก ส่วนการดำน้ำตื้น ได้แก่ เกาะรอกนอก มีพื้นที่ 1.65 ตารางกิโลเมตร พื้นที่บางส่วนเป็นหน้าผาสูงชัน และมีหาดทรายอยู่ 4 แห่ง คือ หน้าที่ทำการหน่วยอุทยานฯ อ่าวมะขาม อ่าวสน และอ่าวม่านไทร เกาะรอกใน มีพื้นที่ 2.05 ตารางกิโลเมตร ในฤดูฝนจะสามารถมองเห็นน้ำตกเล็ก ๆ ไหลผ่านตรงบริเวณหน้าผาลงมา มีหาดทราย 2 แห่ง คือ อ่าวสยาม และอ่าวศาลเจ้า จุดที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งคือ หลักเขตสยาม เป็นเสาหลักเขตเล็ก ๆ อยู่ริมหน้าผา กล่าวกันว่าหลักเขตนี้ปักไว้ตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 เกาะห้า กลุ่มเกาะห้าเกาะ เป็นแหล่งชมปะการังน้ำตื้นและมีทัศนียภาพอันงดงาม

อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2524

09

อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอกันตังและอำเภอสิเกา มีชายฝั่งทะเลยาว 20 กิโลเมตร แบ่งออกเป็นแหล่งท่องเที่ยวบนฝั่ง ได้แก่ หาดปากเมง หาดฉางหลาง หาดยาว หาดหยงหลิง หาดสั้น หาดเจ้าไหม และถ้ำเจ้าไหม และแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลคือส่วนที่เป็นเกาะ ได้แก่ เกาะมุก เป็นเกาะใหญ่อันดับสามของทะเลตรัง ทางตะวันออกของเกาะเป็นพื้นที่ราบ ทางตะวันตกส่วนใหญ่เป็นโขดหินผาสูงหันหน้าออกสู่ทะเล

ความโดดเด่นของเกาะมุกอยู่ที่ถ้ำมรกต (Unseen in Thailand) ใต้ผาหินทางฝั่งตะวันตกเป็นถ้ำน้ำ มีโพรงเล็ก ๆ ที่น้ำทะเลไหลผ่านจากปากถ้ำไปสู่ถ้ำด้านหลัง ภายในถ้ำมืดมิดมีระยะทาง 80 เมตร นักท่องเที่ยวจะลอยตัวลอดถ้ำออกมาด้านหลังจะเป็นหาดทรายเล็ก ๆ โอบล้อมไปด้วยผาหินปูนสูงชัน ลักษณะคล้ายโพรงขนาดใหญ่สวยงาม และยังมี เกาะกระดาน เกาะเชือก เกาะปลิง เกาะแหวน เกาะเมง และเกาะเจ้าไหม ซึ่งหลาย ๆ เกาะในอุทยานแห่งชาติเจ้าไหมนั้น มีสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ปะการังทั้งชนิดอ่อนและแข็ง ดอกไม้ทะเลสีสด ๆ สวยงาม ฝูงปลาหลากหลายสายพันธุ์ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงนิยมมาทำกิจกรรมดำน้ำ ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกกันที่นี่

อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล : ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2517

10

อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังและฝูงปลาสวยงามที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในแถบ ทะเลอันดามันใต้ ประกอบไปด้วยจำนวนเกาะถึง 51 เกาะ เกาะที่มีความโดดเด่น ได้แก่ เกาะไข่ เกาะเล็ก ๆ ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ซุ้มประตูหินที่เกิดจากการกัดเซาะของธรรมชาติ ที่เรียกว่าเกาะไข่ เนื่องจากทุก ๆ ปีบรรดาเต่าทะเลจำนวนมากจะขึ้นมาวางไข่บนเกาะแห่งนี้ อีกทั้งยังมีหาดทรายสีขาวนวลเหมือนเปลือกไข่ นอกจากนี้ เกาะไข่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวจังหวัดสตูลอีกด้วย เกาะตะรุเตา บนเกาะมีกิจกรรมท่องเที่ยวมากมาย อาทิ เดินป่า น้ำตก ดูนก แหล่งประวัติศาสตร์ ได้แก่ อ่าวพันเตมะละกา ที่มีชายหาดยาวเกือบ 2 กิโลเมตร มีเส้นทางเดินเท้าขึ้นไปจุดชมวิวท้องทะเลและพระอาทิตย์ตกดินที่ผาโต๊ะบู มีลำคลองให้นักท่องเที่ยวล่องเรือหางยาวเข้าไปเที่ยวที่ถ้ำจระเข้ได้ ส่วนอ่าวตะโละวาว ในอดีตเคยเป็นสถานที่ตั้งนิคมฝึกอาชีพของนักโทษการเมือง

ปัจจุบันเป็นที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เกาะอาดัง มีชายหาดขาวสะอาด มีทางเดินเท้าจากหาดแหลมสนขึ้นไปยังจุดชมวิวผาชะโด ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินอันงดงาม เกาะราวี โดดเด่นที่มีแนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์ น้ำทะเลใสสะอาด หาดทรายขาวละเอียด เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการดำน้ำดูปะการัง เกาะผึ้ง มีแนวปะการังอ่อนสีสด ๆ ละลานตา แต่บริเวณนี้กระแสน้ำค่อนข้างแรง การดำน้ำควรใช้ความระมัดระวัง เกาะดง มีแนวปะการังแข็งอันหลากหลายประมาณ 10-20 ชนิด นอกจากนี้ยังมีดาวขนนก และหอยมือเสืออาศัยอยู่ทั่วบริเวณ และยังมีหินซ้อน ก้อนหินทรงลูกบาศก์ขนาดใหญ่สองก้อน ที่ซ้อนกันอยู่ราวกับมีใครมาจัดวางไว้ เสมือนเป็นประติมากรรมธรรมชาติที่ดูแปลกตา เกาะหินงาม บนเกาะแห่งนี้มีแต่หินก้อนกลมเกลี้ยงสีดำ ราวกับเป็นความมหัศจรรย์จากธรรมชาติ เมื่อยามที่น้ำทะเลสาดซัดขึ้นมาและแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบหาดหินแห่งนี้ ก้อนหินแต่ละก้อนจะเปล่งประกายระยิบระยับวับวาวเป็นภาพที่งดงามมาก

ครั้งหนึ่งในชีวิต ขอพิชิตภูกระดึง

สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 10 ติดต่อกันนานนับสิบปี จวบจนปัจจุบันแม้จะมีที่เที่ยวใหม่ๆ เพิ่มมามากมาย แต่ภูกระดึงก็ยังคงเป็นที่เที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปพิชิตยอดภูกัน ท่วมท้นทุกปี ด้วยอากาศที่หนาวเย็นบวกกับมนต์เสน่ห์ที่ต้องเดินขึ้นเนินเขาอันสูงชัน ผ่านซ้ำแล้วซ้ำล่า เป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร นอกจากนักท่องเที่ยวจะเตรียมใจ มากันอย่างดีแล้ว ยังต้องเตรียมฟิตร่างกายมาอย่างดีด้วย แน่นอนว่าสัมภาระที่ติดมาด้วยนั่น จะต้องพึ่งพาลูกหาบที่เป็นชาวบ้าน ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้จัดเตรียมไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว อย่าว่าแต่กระนั่นเลย ลำพังเดินตัวปลิวยังจะไม่รอด หลายต่อหลายคู่รัก มาที่นี่แล้วต้องทะเลาะกัน เพราะเป็นที่ที่พิสูจน์การพึ่งพา การช่วยเหลือ และการเสียสละ ภูกระดึงใน วันนี้จึงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก นอกจากมนต์เสน่ห์ดังกล่าวมาแล้ว ก็ยังมีใบเมเปิ้ลสีแดงสด อวดโฉมเต็มต้นและร่วงหล่นสวยงามบนลานหินในช่วงฤดูหนาว บนยอดภูกระดึงที่เรียกว่าหลังแปนั่น ก็ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ที่เป็นเส้นทางอย่างดีเดินยังไงก็ไม่มีหลง ที่ทางเจ้าหน้าอุทยานฯได้จัดทำไว้ ไฮไลท์ที่เป็นที่สุดของที่นี่ คือการชมภาพพระอาทิตย์ตกอันสวยงามที่ผาหล่มสัก หน้าผายอดฮิตที่มีภาพถ่ายมากมายเป็นตัวดึงดูดให้ใครต่อใครมาที่นี่ คุณได้พิชิตภูกระดึงสักครั้งในชีวิตแล้วหรือยัง...

การเตรียมตัวเพื่อพิชิตภูกระดึง

เตรียมตัวเดินป่า

ในเบื้องต้นคือ การสอบถามข้อมูลการเดินทางกับทางอุทยานแห่งชาติให้มากที่สุด ทั้งสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ สภาพภูมิประเทศ แล้ววางแผนเส้นทางและระยะเวลาที่ใช้เดินและจุดหมายของแต่ละวัน พร้อมทั้งนัดหมายกับทางอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ทางอุทยานแห่งชาติจัดเตรียมเจ้าหน้าที่นำทางไว้ล่วงหน้า สิ่งที่ต้องเตรียมต่อไปคือ สภาพร่างกาย ผู้จะเดินป่าควรมีร่างการแข็งแรงสมบูรณ์ และจิตใจที่พร้อมจะฝ่าฟันอุปสรรค ที่อาจพบตลอดการเดินทาง

เตรียมของใช้เดินป่า
การเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับการเดินป่ามีหลายอย่าง ได้แก เสื้อผ้า ควรเป็นเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่แห้งง่ายและสวมใส่สบายเตรียมไว้ประมาณ 3 ชุด ชุดหนึ่งใส่ช่วงกลางวัน ชุดหนึ่งสำหรับใส่นอน และชุดสุดท้ายสำหรับใส่เดินทางกลับ เสิ้อกันหนาวหรือ เสื้อกันฝนก็ควรเตรียมไปด้วยตามฤดูกาลและสภาพอากาศของพื้นที่นั้น
รองเท้า ควรใช้รองเท้าหุ้มส้นหรือหุ้มข้อ ไม่ควรมีพื้นแข็งหรืออ่อนจนเกินไป และมีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป และไม่มีน้ำหนักมากเกินไป และควรสวมถุงเท้าเพื่อป้องกันรองเท้ากัด หมวก เพื่อใช้บังแดดและป้องกันหนามเกี่ยวศรีษะขณะเดินลอดกิ่งไม เป้สัมภาระ ควรมีขนาดเหมาะสมกับลำตัวของเจ้าของและจำนวนสัมภาระ โดยปกติเป้เมื่อใส่สัมภาระแล้วไม่ควรมีน้ำหนักเกินร้อยละ 20 ของน้ำหนักตัว หากเป้มีน้ำหนักมาก ควรใช้สายคาดเอวเพื่อถ่ายเทน้ำหนักส่วนหนึ่งจากที่บ่ามาให้ลำตัว บริเวณส่วนเอวช่วยรับน้ำหนักด้วย เต็นท์พักแรม ควรใช้ขนาดและจำนวนที่เหมาะสมกับจำนวนคน เปลสนามก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะเบาและกะทัดรัด แต่ที่ขาดไม่ได้คือ ผ้าพลาสติกสำหรับกางขึงเหนือเต็นท์ หรือเปลสนามเพื่อกันน้ำค้างและน้ำฝน อุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ
ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นติดตัวไป
เช่น ยาประจำตัว ถุงนอน ไฟฉาย มีดอเนกประสงค์ กระติกน้ำ ชุดเครื่องครัวสนาม ถุงขยะ ไฟแช็ก เชือกร่มยาว 2-3 ม. จำนวน 2-3 เส้น ฯลฯ เสบียง ควรเตรียมให้เกินไว้ประมาณ 2 มื้อ เผื่อเกิดเหตุให้ต้องอยู่ในป่านานกว่ากำหนด และควรเผื่อเสบียง สำหรับเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติที่ช่วยนำทางไว้บ้าง อย่างน้อยก็เป็นน้ำใจที่แบ่งปันให้แก่กัน


แผนที่การเดินทางเพื่อพิชิตภูกระดึง
แผนที่ภูกระดึง



จากภาพนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่า เพราะนี้คือเส้นทางในการเดินขึ้นสู่ยอดภูกระดึงเท่านั้น เราต้องเดินขึ้นไปตามลำดับขึ้น ตามเส้นทางดังนี้ ภาพจำลองแผนที่ภูกระดึง - ปางกกค่า - ซำแฮก - ซำบอน - ซำกกกอก - ซำกอซาง - พร่านพรานแป - ซำกกหว้า - ซำกกไผ่ - ซำกกโดน - ซำแคร่ - หลังแป -ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สรุปแล้วต้องเดินประมาณ 8 กิโลเมตร เพื่อไปถึงที่ีพักของเรา

แผนที่การเดินทางท่องเที่ยวชมภูกระดึง

ขึ้นมาถึงภูกระดึง ไป ผาหมากดูก ก่อนเลย

หลายๆคนพอเดินขึ้นมาถึง หลังแป แล้วก็มักจะเดินจ้ำๆ ต่อไปที่จุดบริการที่พักโดยใช้เส้นทางสั้น ประมาณ 3 โลฯ กว่าๆ ตรงนี้นับน่าเสียดายมากๆ ที่พลาดการดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก จากแผนที่จะเห็นได้ว่า เราจะเดินไปยังจุดบริการนักท่องเที่ยวได้สองเส้นทาง คือ เส้นทางป่าราบ กับ เส้นผาหมากดูก ซึ่งไกลกว่า แต่ก็คุ้มเพราะเราจะได้มีโอกาสถ่ายภาพที่ผาซึ่งเป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ สวยอีกจุดนึง จากนั้นค่อยเดินกลับไปที่พักก็ยังไม่สาย

ผาหมากดูก ภูกระดึง

ไปรับสัมภาระกับลูกหาบ

ไปติดต่อรับของสัมภาระของเราก่อน เพราะลูกหาบเค้าจะรอจนกว่าเราจะมาถึงจะไปทำอะไรต่อได้ คราวนี้ถ้าใครไม่ได้จองที่พักอุทยานไว้ก็ต้องนอนเต๊นท์ หาที่กางซะ ถ้าไม่มีก็ต้องเช่า สำหรับโทรศัพท์หากจะ Charge เดี๋ยวนี้เอาไป Charge ที่ศูนย์นักท่องเที่ยวไม่ได้แล้ว เพราะ คนชอบ Charge เยอะ ทำให้ไฟตก ก็ต้องเอาไปขอ Charge ตามร้านข้าว ถ้าไม่อยากให้ดูน่าเกลียดก็ควรไปซื้อข้าวร้านเค้าด้วย

ไฟฟ้าที่ภูกระดึงจะตัดไฟเป็นเวลา และจะมืดมิดยามค่ำคืน มืดมากๆ จนบางทีมีคนเมาๆแล้วไปฉี่ใส่อีกคนที่เมาหลับอยู่กะพื้นก็มี ฉะนั้นก็ต้องระวังด้วย

ไปผานกแอ่น เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น

ราวๆตีห้า กว่าๆ จะเป็นช่วงเวลาที่คนเริ่มทะยอยเดินไปที่ผานกแอ่น เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น

ผานกแอ่น Review Trip ที่ภูกระดึง

กลับจากผานกแอ่นมาที่พักตอนเช้า แล้วไปไหว้พระต่อ

บางคนเริ่ม Start เดินป่าเลยแต่จริงๆไม่ต้องรีบขนาดนั้น กลับมากินข้าวกินปลาก่อน ระหว่างขากลับจาก ผานกแอ่นมาที่พัก เราจะผ่านจุดที่ตั้งของพระพุธรูปบนลานหินกว้างๆ ก็ไหว้พระ ขอพร

ไปเส้นทางสายน้ำตกก่อนเลย

ออกจากจุดที่พักเข้าเส้นทางสายน้ำตก เราจะผ่านน้ำตกหลายที่เช่น น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกธารสวรรค์ น้ำตกถ้ำสอเหนือ น้ำตกถ้ำสอใต้ แต่น้ำตกที่เป็น Highlight จริงๆคือ น้ำตกเพ็ญพบไหม่ และน้ำตกถ้ำใหญ่

มาดูใบเมเปิ้ลที่น้ำตก น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกเพ็ญพบใหม่ และน้ำตกถ้ำใหญ่
จุดที่ถ่ายรูปใบเมเปิ้ลที่สวยๆ บนภูกระดึงคือ น้ำตกเพ็ญพบใหม่ และน้ำตกถ้ำใหญ่

ทำไมถึงต้องเป็น น้ำตกเพ็ญพบไหม่ กับน้ำตกถ้ำใหญ่ ก็เพราะว่ามันเป้นจุดที่มีใบ maple เยอะมากๆ และตำแหน่งการร่วงของมันทำมุมกับองศาของแสงจากดวงอาทิตย์พอดี (มั่วไปนั่น) จริงๆแล้วด้วยลักษณะของน้ำตกทั้งสองที่บวกกับปริมาณใบไม้สีแดงๆที่ร่วงลงมา เต็มไปหมด (ต้องมาถูกช่วง) ตัดกับสีของมอส เขียวๆที่เกาะอยู่ตามลำน้ำ และสายน้ำพริ้วๆ ถือได้ว่าเป็น Sweet Spot ของบรรดาผู้ที่รักการถ่ายภาพ

หากใครเจอใบ Maple ที่อื่นๆ ให้หยุดอาการระริกระรี้ไว้ก่อน เพราะจุดที่เยอะและสวยสุดๆอยู่ที่ น้ำตกเพ็ญพบไหม่ กับน้ำตกถ้ำใหญ่ ให้คำนวนเวลาให้ดีๆ ไปเสียเวลาถ่ายรูปนานๆที่สองที่นี้ดีกว่า

นอกจากใบเมเปิ้ล บนภูกระดึงยังมีมุมดอกไม้สวยๆให้ถ่ายรูปอีกหลายจุด
นอกจากใบเมเปิ้ล บนภูกระดึงยังมีมุมดอกไม้สวยๆให้ถ่ายรูปอีกหลายจุดเลย

พระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก

เมื่อเก็บเส้นทางน้ำตกเสร็จแล้ว ให้รีบเดินไปที่ผาหล่มสัก ซึ่งเป็นลานหินกว้าง และมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด จึงทำให้นักท่องเที่ยว ช่างภาพนิยมไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ผาแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึงเลย

ผาหล่มสัก Review Trip ที่ภูกระดึง

เมื่อพระอาทิตย์ตกไปแล้วทีนี้ถึงคราวหฤโหดอีกครั้ง เพราะระยะทางจากผาหล่มสักกลับไปที่พักมีระยะทางกว่า 8-9 กิโลเลยทีเดียว ซึ่งเคยลองเดินๆวิ่งๆ ยังใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งเลย ถ้าเดินปกติ ออกจากผาหล่มสัก 6 โมง ยังไปถึงที่พักเอาเกือบสามทุ่มเลย ตรงนี้ถ้าจะให้ดี ควรพกไฟฉายไปด้วย เพราะระหว่างทางบางทีจะมืดมากๆ น่ากลัว

สรุปคร่าวๆก็คือ เที่ยวภูกระดึงเราสามารถเก็บสถานที่ท่องเที่ยวบนภูกระดึงที่สำคัญๆกว่า 90% ได้ภายในวันเดียว แต่ถ้าหากใครมีเวลาอยู่ต่ออีกวันก็ไม่ต้องรีบ พอเดินเส้นทางสายน้ำตกเสร็จก็ไปที่สระอโนดาตแล้วก็กลับที่พักเลย ไว้ไปผาหล่มสักวันรุ่งขึ้นก็ได้

เคล็ดลับดีๆ ที่ไม่ควรพลาด เพื่อเตรียมพร้อมก่อนออกไปเที่ยวทะเล











ใครหลายคนคงกำลังนึกวางแผนหาที่เที่ยวช่วงหน้าร้อนกันอยู่ใช่ไหม ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ตอบว่าใช่ และสถานที่ที่คุณคิดไว้คือทะเล ถ้าเช่นนั้นคุณไม่ควรพลาดเคล็ดลับดีๆ ที่เรานำมาฝากกัน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนไปเที่ยวทะเลกัน

สิ่งแรกที่เราควรที่จะคำนึงถึงเมื่อเราจะไปเที่ยวก็คือ สถานที่ ที่เราจะไป เราควรหาข้อมูล รายละเอียดของที่ ๆ จะไปให้มากที่สุด ควรรู้สภาพภูมิอากาศด้วยยิ่งดีจะได้เตรียมอุปกรณ์ ต่างๆ ให้พร้อมและเตรียมรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ นอกจากภูมิอากาศแล้ว เรายังควรที่จะรู้ว่าที่ที่เราจะไปนั้นมีอะไรเป็นจุดเด่น มีกิจกรรมอะไรให้เราทำบ้าง กลับมาจะได้ไม่อายใคร ว่าไปแล้วไปไม่ถึง

การเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสถานที่ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยเช่นกัน ควรเลือกให้เข้ากัน กับบรรยากาศชายทะเลสิ่งที่ต้องเตรียมก็เช่น ชุดว่ายน้ำ ผ้าผืนโต ๆ สำหรับปูนอนอาบแดด และพันกาย เสื้อกล้าม เสื้อยืดสบาย ๆ กางเกงขาสั้นที่ดูทะมัดทะแมง กางเกงชาวเล ที่ใช้ได้ทั้งการใส่นอน - ใส่เที่ยว แว่นกันแดด หมวกใบเก๋ รองเท้าแตะ โดยอาจเลือกเสื้อผ้าและรองเท้าให้มีสี เข้ากันเพียงสีเดียวหรือสองสีพื้น ๆ เพื่อจะสลับสับเปลี่ยนกันใช้ได้ เป็นการประหยัดเนื้อที่เวลาเก็บใส่กระเป๋าอีกด้วย

ขึ้นชื่อว่าไปเที่ยวทะเลแล้ว หลายคนก็คงรู้สึกเหมือนกันว่ากลับมาต้องดำแน่นอน เพราะอย่างที่รู้กันว่าทะเลเป็นที่ที่แดดแรงมากแต่ถ้าเรารู้จักวิธีการ ป้องกันมันก็คง ไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด ดังนั้นสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการเที่ยวทะเลลำดับต่อมา ก็คงหนีไม่พ้น ครีมกันแดด ซึ่งก็ควรเป็นครีมกันแดดชนิดที่มีค่า SPF สูง ๆ ไว้ก่อนนะคะ ทางที่ดีน่าจะเกินกว่า 30 - 50 ขึ้นไป นอกจากครีมกันแดดแล้ว เมื่อเราไปที่ต่าง ที่ต่างถิ่นเราอาจจะไม่สบายเอาได้ง่าย ๆ เราก็ควรจะเตรียมยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ หรือพลาสเตอร์ยา เผื่อเอาไว้ยามฉุกเฉินด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีข้าวของที่มองดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่ก็มีความสำคัญไม่น้อยเลย เช่น ยาสระผม ครีมอาบน้ำ ครีมบำรุงผิว ที่ขนาดปกติที่เราใช้ๆ กันอาจจะมีขนาดที่ใหญ่โตไม่สะดวกต่อการพกพาเมื่อเราจะไปเที่ยวเราก็อาจจะแก้ไขด้วยการแบ่งใส่ขวดแบ่งบรรจุเล็ก ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการพกพา

เวลาไปเที่ยวนอกจากคุณจะต้องเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจจะ ลืมได้ก็คงจะเป็น กล้องถ่ายรูป เพื่อให้การเที่ยวของคุณแต่ละครั้งสมบูรณ์แบบ จึงจำเป็นต้องมีการเก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้ให้ดูเมื่อกลับมา เป็นสิ่งที่ดีเสียอีกนะ เก็บภาพไว้ยังดีกว่าเก็บสิ่งของจากสถานที่นั้นมาด้วย

ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่เกร็ดเล็กเกร็ด น้อยในการเตรียมตัว ก่อนที่จะออกเดินทางไปเที่ยวทะเล ที่หลาย ๆ คน อาจจะเห็นว่ามันเรื่องง่าย ๆ ที่มองข้ามไป แต่ถ้าเรามีความรู้เก็บไว้บ้าง บางทีทริปหน้าของเราอาจจะสะดวก สบาย และเตรียมตัวได้พร้อมมากขึ้นก็ได้

ปัญหาและอันตรายที่อาจจะพบ

อาการเมาเรือ

บางคนอาจจะเกิดอาการเมาคลื่นลมทะเล ซึ่งส่วนใหญ่จะหายไปเอง เมื่อสิ้นสุดการเดินทางแล้ว แต่หากต้องเดินทางไกลหลายชั่วโมง อาจมีอาการอยู่นาน เรามีวิธีบรรเทาอาการเมาเรือ ดังนี้
1. รับประทานยา เช่น ยาหอม หรือยาไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate) เพื่อป้องกันก่อนเดินทาง
2. เลือกนั่งริมหน้าต่าง เพื่อให้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพนอกหน้าต่าง และลืมอาการไม่สบาย
3. ให้รีบนอนลง เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าเกิดอาการดังกล่าว และควรจิบน้ำทีละน้อย เพื่อป้องกันการขาดน้ำ บางครั้งการอาเจียนก็จะช่วยบรรเทาอาการได้









แสงแดดแผดเผา


ความร้อนของแสงแดด นอกจากจะทำให้ผิวคล้ำ หรือปวดแสบร้อนจากการถูกแดดแผดเผาแล้ว ยังส่งผลให้เกิดอาการอื่นๆ เช่น เป็นลมแดด ตะคริว อ่อนเพลียจากความร้อน และความร้อนสูงรุนแรง (heat stroke) เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ วิธีป้องกันอันตรายจากแสงแดด คือ
1. หลีกเลี่ยงการตากแดดเปรี้ยงตลอดทั้งวัน เพราะอาจเป็นลมแดดและผิวไหม้ได้
2. สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือทาครีมกันแดดที่มีตัวยากันแดดอย่างน้อย SPF 15 ขึ้นไป และเป็นแบบกันน้ำ ทาให้ทั่วทั้งใบหน้า คอ หลัง ขา โดยเฉพาะบริเวณที่ไวต่อแสง
3. หากมีอาการเป็นลมแดดหรือหมดสติ ควรรีบพาผู้ป่วยเข้าไปที่ร่มที่อากาศถ่ายเทสะดวก คลายชุดที่ใส่ให้หลวม และปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว จนอุณหภูมิลดลง
4. เมื่อต้องตากแดดนานๆ ร่างกายจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ให้หลีกเลี่ยงการลงสระว่ายน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำ หรืออาบน้ำเย็นทันที เพราะอาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อเกร็งหรือเป็นตะคริวได้

ว่ายน้ำจนเกร็งเป็นตะคริว

หลายคนไปทะเลแล้วว่ายน้ำ แม้จะว่ายน้ำเป็น หรือเรียกได้ว่าว่ายเก่ง แต่อาจเกิดอันตรายด้วยเหตุที่คาดไม่ถึงได้ เพื่อความปลอดภัย เรามีคำแนะนำ ดังนี้
1. ก่อนว่ายน้ำ ควรมีการบริหารร่างกาย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนประมาณ 10-15 นาที
2. ถ้าเป็นตะคริวพยายามประคองตัวให้ขึ้นมาบนฝั่ง ดื่มน้ำเกลือ (น้ำ 1 ลิตร ผสมเกลือ 1 ช้อนชา)
3. ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัดๆ หรือมีกระเป๋าน้ำร้อนห่อด้วยผ้าขนหนู วางประคบบนกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว



พิษแมงกะพรุน

อาจทำให้มีอาการผื่นคัน หรือทำให้ปวดแสบปวดร้อน คล้ายอาการน้ำร้อนลวกได้ การรักษาคือ เมื่อสัมผัสโดนผิวหนังให้รีบชะล้างด้วยน้ำทันที เพื่อล้างเอาพิษออก และทาด้วยยาสเตียรอยด์ครีม สำหรับชาวชีวจิตตัวจริงให้นำผักบุ้งทะเลบริเวณริมชายหาด มาตำและทาบริเวณที่เป็นแผล แต่ไม่ต้องขยี้จะช่วยถอนพิษ เพราะผักบุ้งทะเลมีสรรพคุณเป็นยา ลดการอักเสบจากพิษของแมงกะพรุน แก้แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้

อาหารทะเลเป็นพิษ

เมื่อเกิดอาการท้องร่วง ท้องเสีย อาเจียน เพราะอาหารเป็นพิษ ซึ่งมักจะมีอาการภายใน 1- 6 ชั่วโมง หลังรับประทานอาหารนั้น ให้รีบดูแลตัวองโดยนอนพัก แล้วดื่มน้ำเกลือแร่ หากยังไม่หายให้ไปโรงพยาบาล

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

@เบื่อตัวเอง@

ตอนนี้เป็นไรก็ไม่รู้
ทำไมต้องเปงงี้ด้วย
เบื่อจัง@_@